Friday, July 24, 2015

คนเกิดวันพฤหัสบดี

มีดาวใหญ่ พระพฤหัสบดี เป็นดาววันเกิด เป็นดาวประธาน แห่ง ศุภเคราะห์ คุณสมบัติของดาวนี้ จึงเข้ามาแทรกในคนที่เกิดวันนี้  คุณสมบัติของดาวนี้ คือ ความมี คุณธรรม แต่เนื่องจาก คนเกิดวันนี้ มักมีเพศตรงข้ามมาสนใจมาก จึงอาจมีคู่มากกว่าหนึ่ง แต่ก็จะรักและรับผิดชอบได้ดี โบราณท่านว่า คนเกิด วันนี้ ส่วนมาก จะดีกว่าวันอื่นๆ

ถ้า เกิดวันพฤหัสบดี มี ดาว (๕) กุมลัคน์ จะเป็น ดาวพฤหัสบดี(๕) แท้ ๆ เป็นเจ้าคน นายคน อายุยืน ทรัพย์มาก ทุกอย่างที่มีความอุดมสมบูรณ์ จะมาอยู่ที่คนนี้ หมด

ถ้า เกิดวันพฤหัสบดี มี ดาว (๕) เป็น สอง ต่อลัคนา  กล่าวกันว่า จะได้ เป็นที่พึง ของคนทั้งหลาย

ถ้า เกิดวันพฤหัสบดี มี ดาว (๕) เป็น สาม ต่อลัคนา  มีสติปัญญามาก และใช้มากเกินตัว จะเจ็บป่วยบ่อย เนื่องจากคิดมาก จึงควรระวังตนให้มาก อย่างทำอะไรที่เกินตัว

ถ้า เกิดวันพฤหัสบดี มี ดาว (๕) เป็น สี่ ต่อลัคนา  โบราณว่า มีบ้านดี อยู่ดีกินดี

ถ้า เกิดวันพฤหัสบดี มี ดาว (๕) เป็น ห้า  ต่อลัคนา  มีปัญญาไปที่ไหน ก็เป็นที่รักของคนทั่วไป

ถ้า เกิดวันพฤหัสบดี มี ดาว (๕) เป็น หก  ต่อลัคนา  มักจะเจ็บป่วยเกิดโรคภัยไข้เจ็บ แต่มีไหวพริบปฏิภาณปัญญาดี แต่ออกจะออกกลอกกลิ้งเจ้าเล่ห์เพทุบาย



ถ้า เกิดวันพฤหัสบดี มี ดาว (๕) เป็น เจ็ด  ต่อลัคนา  หรือ เล็งลัคน์  มักจะได้ดี มีข้าทาสทำไร่นาเรือกสวนดี

ถ้า เกิดวันพฤหัสบดี มี ดาว (๕) เป็น แปด  ต่อลัคนา  มีปฏิภาณไหวพริบดี แต่ต้องระวังโรคภัยไข้เจ็บ และอาจจะต้องเดินทางบ่อย หรือทำงานในลักษณะไม่เป็นที่ เช่นขับรถรับจ้าง ตรวจงาน หรือ ไปต่างประเทศ

ถ้า เกิดวันพฤหัสบดี มี ดาว (๕) เป็น เก้า เป็น สิบ เป็น สิบเอ็ด  ต่อลัคนา  ถือ ว่าสุขสบายกว่าคนทั้งหลาย และจะได้คู่ดี



ถ้า เกิดวันพฤหัสบดี มี ดาว (๕)  เป็น สิบสอง  ต่อลัคนา  เบียนตัวเอง แต่มีทุกข์แล้ว มักได้ลาภ (ทุกขลาภ)


อ้างอิงจาก :เคล็ดลับโหรา รู้ชีวิต ด้วย ดวงดาว ศ.ดุสิต  มติชนสุดสัปดาห์ 

Tuesday, July 21, 2015

คนเกิดวันเสาร์




มีดาว ๗ ประธาน แห่งดาวปาบเคราะห์ เป็นดาววันเกิด  อิทธิพลของดาวใหญ่ดวงนี้ จึงต้องเข้ามาแทรกแซง ในชีวิต ของผู้ที่เกิดในวันนี้ 

คน เกิดวันเสาร์ จึงต้อง อึดต้องทน เป็นพิเศษความหนักหน่วงของชีวิต จึงมากกว่าคนเกิดวันอื่นๆ 


ดาว ๗ กุมลัคน์ จะเป็น คนวันเสาร์แท้ๆ จะเป็นคนคิดมาก รักสันโดษ สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง หรือ บางคนไม่ได้อยู่กับบิดามารดา โตเอง  ชีวิตค่อนข้างลำบาก มักย้ายที่อยู่  โตขึ้นมักคบเพื่อน ลักษณะนักเลง กินเหล้า (ธาตุดิน)



ดาว ๗ เป็น 2 จะคล้ายๆกับกุมลัคน์ คิดมาก ไม่ได้อยู่กับมารดา หรือไม่ถูกกับพันธุ ญาติพี่น้อง ย้ายที่อยู่บ่อย ได้รับ

ทรัพย์มา ก็ต้องแบ่งปันให้คนอื่น  แต่ถ้าดาว ๗ เสีย คือ เป็น นิจ เป็น ประ กำลังความรุนแรงของพระเสาร์ ก็จะลดลง


ดาว ๗ เป็น 3 กลายเป็นที่พึ่ง มีสติปัญญา มีความหนักแน่นมั่นคง เป็นที่พึ่งของพี่น้องและ บริวาร แต่มัก เสียทรัพย์  เพราะว่าถูกโกง หรือ คดีความ 

ดาว ๗ เป็น 4, 5 ลงทุนทำอะไร ให้คิดก่อน (พินทุบาทว์ ๑ ๓ ๗) ต้องเลือกคบคน  เพราะมักจะเจอคนไม่ดี พยายามห้ามใจ อย่าไปเข้าหุ้น ลงทุน กับใคร มากมาย จนเกินกำลังตัว หรือ เป็นคนบริหารให้ อย่าลงทุนเปิด กิจการเอง


ดาว ๗ เป็น 6 อริ ดี เพราะทอนความหนักดังหิน ของ (๗) ลง เป็นคนที่มีความพอดีในชีวิต ทำอะไรมีตบะ  มี ความแน่วแน่ มีระเบียบ สันโดษ หาทรัพย์และใช้เท่าที่พอ รวยได้ในภายหลัง แต่ช้าหน่อย

ดาว ๗ เล็งลัคน์ พินทุบาทว์ มักเสียทรัพย์ มีคดีความ สุขภาพไม่แข็งแรง พูดจาก็ตรงไปตรงมา คนรับฟังไม่ค่อยได้ จึงมีมิตรน้อย




ดาว ๗ เป็น 8,9 ดีขึ้น ชีวิตฟันฝ่าอุปสรรคจนได้ดี มักจะมีคู่ 2 คน เพราะคู่ทนกำลังไม่ไหว อาจลักษณะเป็นหม้าย คือ คู่จากไปก่อน แล้วแต่งงานใหม่ ทั้งชายและหญิง เป็น "ดวงแข็งมาก"

ดาว ๗ เป็น 10,11 (กลางฟ้า) ชนะศัตรู มีทรัพย์ บิดาสืบเชื้อสายมาดี หรือไม่ก็เป็น เศรษฐีชาวนา อะไรที่ติดดิน เกี่ยวกับดิน

ดาว ๗ เป็น 12 (วินาสน์) จะจนยากหน่อย (ไม่ใช่ยากจน) อายุเยอะ จึงจะได้คู่ดี แต่ให้ ระวัง เสียเงินเสียทองในบางครั้ง แต่เสียเยอะ เวลาได้ ก็ได้เยอะ 

คนเกิดวันเสาร์ ค่อนข้างผาดโผน และ ชีวิตค่อนข้างหนัก

คัดลอกจาก 

เคล็ดลับโหรา รู้ชีวิต ด้วย ดวงดาว ศ.ดุสิต  มติชนสุดสัปดาห์ 

ดวงรับวิบาก : เกิด วันเสาร์ ดาววันเกิดอยู่ในภพที่สิบ

ข้อ ๓.กายมงคล

คือ การแต่งกายให้เหมาะสม ถูกกาละเทศะ
จะทำให้เราเกิดความเชื่อมั่นในตนเองและไม่ถูกตำหนิติเตียน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
เป็นมงคลข้อที่สาม เพราะการไม่ถูกใครว่าย่อมเป็นสิ่งดีที่เป็นมงคลแก่เราตลอดวัน
และหากจะใส่เสื้อผ้าตามหลักโหราศาสตร์เพื่อเสริมความมั่นใจหรือสร้างกำลังใจให้ตัวเองเพิ่มขึ้น ก็ย่อมได้ แต่ก็ต้องดูให้เหมาะด้วย เช่น ไม่ใส่สีม่วงไปในงานแต่งงานที่เจ้าภาพเขาถือว่าเป็นสีแม่ม่าย แม้ว่าจะเป็นสีที่เขาบอกว่า เป็นสีแห่งโชคลาภของเราวันนั้นก็ตาม




ความหมายและความสำคัญของมารยาทในการแต่งกาย

         มารยาทในการแต่งกาย คือ ความคิดเกี่ยวกับการแต่งกายทั้งของเดิมที่มีมาในอดีตและของสังคมตะวันตกที่คนไทยรับมาปฏิบัติความถูกต้องอยู่ที่ต้องรู้จักและเลือกแสดงให้เหมาะสมแก่กาลเทศะและบุคคล     โดยคำนึงถึงโอกาสและกิจกรรมเป็นหลักเกณฑ์

หลักสำคัญเกี่ยวกับการแต่งกาย
         1. ความสะอาด   ร่างกายควรให้สะอาดหมดจดทุกส่วนตั้งแค่ ผม ปาก ฟัน หน้าตา มือ แขน ลำตัว ขา และเท้า เล็บมอ และเล็บเท้า  ความสะอาดที่พึงระวังเอาใจใส่เป็นพิเศษในเรื่องเครื่องแต่งกาย
         2. ความสุภาพเรียบร้อย  ความสุภาพเรียบร้อยควรมีตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า รวมทั้งเครื่องประดับ กระเป๋าถือ ถุงน่องรองเท้า
               3.  ความถูกต้องตามกาลเทศะ  การเลือกแต่งกายให้ถูกต้องเหมาะสมกับเวลา ยุค และสมัยนิยม
และเลือกแต่งกายให้ถูกต้องเหมาะสมกับสถานที่ที่จะไปนั้น

ความแตกต่างระหว่างชาย-หญิงในการแต่งกาย
           สำหรับผู้ชาย   สูทชายเป็นเสื้อผ้าโอกาสปกติ นิยมให้เสื้อและกางเกงเป็นผ้าอย่างเดียวกันและสีเดียวกัน ถ้าจะเป็นผ้าลวดลาย ลวดลายนั้นเกิดจากการทอในเนื้อผ้าเป็นแบบอนุรักษ์นิยม ถ้าใครนำกางเกงสีเทาอ่อนมาสวมกับเสื้อสีกรมท่าไม่ใช่สวมสูท แต่เป็นการแต่งกายลำลอง  การสวมกางเกงใช้ผ้ามีลวดลาย สวมเสื้อผ้าเรียบก็ได้ เป็นการใช้เสื้อผ้าอย่างไม่เข้าชุด อนุโลมว่าเป็นการแต่งกายในโอกาสลำลอง
           สำหรับผู้หญิง  ความสุภาพในการแต่งกายต่างไปจากผู้ชาย เพราะเครื่องแต่งกายของผู้หญิงมีหลากหลายกว่า ความสุภาพ และความไม่สุภาพอาจอยู่ที่แบบเสื้อและลวดลายหรือแม้แต่ทรงผม การใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าตา ความคับความหลวมของเสื้อ ความสั้นความยาวของกระโปรง แบบของรองเท้าและกระเป๋าถือ



การแต่งกายไปติดต่อธุรกิจ

         การแต่งกาย  ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายร่างกายต้องมีความสะอาดหมดจด ชายควรโกนหนวดให้เรียบร้อย ผมหวีให้เข้าที ไม่ยุ่งเหยิง เล็บสะอาด ฟันสะอาด เหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ว่าเจ้าของดูแลเอาใจใส่ต่อร่างกายของตัวเอง เพื่อสร้างความเชื่อถือกับผู้ที่เราติดต่อด้วย
         เสื้อผ้าของผู้ชาย   ควรสวมสูทสากล หรือเสื้อเชิ้ตสีขาว หรือสีอ่อนๆ ผูกเนตไทให้เข้าที่ คอเสื้อ ปกเสื้อ แขนเสื้อ ให้เรียบร้อย

         เสื้อผ้าของผู้หญิง  ในการติดต่อธุรกิจปัจจุบันสวมเสื้อทำนองสูท แต่ไม่เข้มงวดขึงขังเหมือนผู้ชาย เพราะให้ผ้าเบาบางกว่า หลากสี สวยงามกว่า อาจใส่สีตัดกันหรือสีระหว่างกระโปรงกับเสื้อที่เข้ากันได้ ถ้าไม่สวมสูทอาจเป็นชุดเรียบร้อยดูสภาพ ต้องระวังใช้ผ้าและแบบผ้าบางเบา เช่น ชีฟอง หรือมีระบายฟู่ฟ่า กระโปรงย้วย บานลากพื้ อาจเหมาะสมในโอกาสอื่นแต่ไม่ใช่ติดต่อธุรกิจ

Friday, July 17, 2015

ข้อ ๒ วาจา มงคล

คือ การพูดจาดี 

ซึ่ง " ดี " ในที่นี้หมายรวมถึง เนื้อหา ถ้อยคำน้ำเสียงที่ใช้เจรจาพาทีกับผู้อื่น 

ทั้งคนใกล้ชิดที่เป็นญาติสนิทมิตรสหาย ผู้ร่วมงาน 

รวมถึงคนไม่รู้จักที่เราต้องโอภาปราศรัยด้วย 

พูดง่ายๆว่าให้ใช้ " วาจาภาษาดอกไม้ " กับทุกๆ คนทุกๆ ระดับ 

และควรเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมชวนดมด้วย 

เช่น ชมเขาว่า " วันนี้ คุณแต่งตัวสวยจังค่ะเหมือนสมัยคุณแม่ฉันยังสาว " เช่นนี้
คงเป็นดอกอุตพิด ที่กลิ่นเหมือนอุจจาระทำให้คนฟังคิดแช่งชักหักกระดูก
ด่าว่าเราในใจ อย่าพูดเสียเลยดีกว่า 

ดังนั้น วาจามงคล จึงควรเป็นคำพูดที่สุภาพไพเราะ
และถ้อยคำเป็นประโยชน์ ไม่เพ้อเจ้อ เหลวไหล หรือส่อเสียด แดกดัน

คนพูดดี ไปไหนก็มีแต่คนต้อนรับ เป็นมงคลข้อสองที่เราควรปฏิบัติ


ที่มา คัดลอกจาก  : มหามงคล โชคลาภ โดย เทวาลัย


ปาก : สิ่งที่แสดงให้รู้  ถึงความรู้สึกในจิตใจ 

อ่านเพิ่มเติม  การกล่าววาจาดี พูดดี  เป็นมงคลอันอุดม

อ่านต่อ ข้อ ๓ กายมงคล

Friday, July 3, 2015

ดูดวงเมืองกรุงเทพมหานคร จาก เลข 7 ตัว

ชะตากำเนิด อยู่ที่ วันอาทิตย์ เดือนหก ปีขาล
        ผูกดวงได้ดังนี้
                        ๑             ๒            ๓             ๔             ๕             ๖             ๗
                        ๖             ๗             ๑             ๒            ๓             ๔             ๕
                        ๓             ๔             ๕             ๖             ๗             ๑             ๒
                        -------------------------------------------------------------------------
                        ๑๐           ๑๓          ๙             ๑๒          ๑๕          ๑๑           ๑๔
        ลองอ่านการเงินดูนะครับ
        การเงิน จับเรือนกดุมภะ จะได้ ดาว ๗ มองตำแหน่งดาว ๗ อีกสองตำแหน่ง จะได้ มัชฌิมา กับพยายะ ฐาน ๑๕ กำลังดาวจันทร์
        มองการเงินที่เป็นความมั่งคั่ง ก็จับเรือนธนัง มาดู ได้ ดาว ๓ ชะเง้อดู เลข ๓ อีกสองตำแหน่ง ได้ ปุตตะ และมรณะ ฐาน ๑๐ กำลังดาวเสาร์
        จะเห็นว่า การเงินไม่น่าจะดีเท่าไหร่นะครับ ทั้งถูกเบียดเบียน เพราะกดุมภะ ตกพยายะ แถม ฐานผลบวก ไม่ส่งคุณสักเท่าไหร่ เนื่องจากดาว ๗ มีฐานผลบวกเป็น กำลังดาวจันทร์ และเสาร์กับจันทร์ นี่คู่พลัดพราก ว้าเหว่
        มาดูธนัง ความมั่งคั่ง ก็ไม่น่าดี ตกปุตตะ มรณะ มีคำว่ามรณะก็เสียวไส้แล้ว แถมยังตกฐาน ๑๐ กำลังเสาร์ อังคารเสาร์ เป็นดาวกระทบที่ให้ผลรุนแรงไม่ใช่น้อย
        มองดูผิวเผิน คงไม่เอะใจเท่าไหร่ ทายไปตามตรง ว่า ดวงนี้ การเงินไม่ค่อยดี
        แต่ว่า ดวงนี้ เป็นดวงเมืองกรุงเทพฯ นี่สิครับ
        ดวงเมือง หรือดวงสถานที่ใด ๆ ถ้าหากยึดถือหลักการให้ดี เขาจะมีการให้ ฤกษ์กำเนิด ที่ดีที่สุด ต่างจากดวงคนนะครับ เพาะคนนั้น บางทีเลือกเกิดไม่ได้ แต่ดวงเมืองเลือกเกิดได้
        มีคำถามคือ ผู้ให้ฤกษ์ น่าจะเป็นโหราจารย์ชั้นสูง ในราชสำนัก ทำไม ถึงได้ให้ฤกษ์เช่นนี้ ฤกษ์ที่ทำให้บ้านเมือง มีสถานการเงินไม่ดี เอาเสียเลย
        แต่ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งนะครับ โหราจารย์ ผู้ให้ฤกษ์ ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ มีความเก่งกาจกว่าพวกเราอย่างเทียบไม่ได้ ย่อมต้องไม่ให้ฤกษ์แบบนี้โดยไม่มีสาเหตุความนัยเป็นแน่ ผมเองก็เคยสงสัย จนเวลานี้ หายสงสัยแล้ว เพราะว่า มองแต่เรือน อย่างเดียวไม่ได้
        ลองตั้งต้นจาก ดาวสิครับ
        การเงิน ต้องจับดาวศุกร์ จะเห็นว่า ดาวศุกร์อยู่ตำแหน่ง โภคา ตนุ และลาภะ ฐานกำลังพระราหู คู่ลุ่มหลง ซึ่งในบางจังหวะ ดาวคู่นี้ก็ให้คุณด้านลาภผล แต่ได้มา ก็ต้องใช้จ่าย เพื่อความสุขสำราญ
        อึ้งเลยไหมครับ ทำไมกลายเป็นหนังคนละม้วนไปได้
        นี่ท่าน จับการเงิน ใส่ตนุ คือตัวตนของเมืองเลยนะครับ แถมลาภ แถมความมั่นคง ให้อีก ฐานก็เป็นฐานที่หนุนเรื่องลาภผลเสียด้วย
        ตำแหน่งกดุมภะ เป็นดาวเสาร์ แต่ดาวเสาร์ ในความหมายอีกความหมายคืออะไรครับ ลองย้อนกลับไปมองสิครับ คือความหมายของ ประชาชน พลเมือง ชาวไร่ชาวนา เกษตรกรใช่หรือไม่
                พอเป็นกดุมภะ พยายะ ก็เท่ากับ ให้ประชาชน เบียดเบียนการเงินของประเทศ นั่นเอง แต่ท่านคงกลัวว่า เบียดเบียนมากไป ประเทศจะพังซะก่อน เลยให้ดาวเสาร์อยู่ตำแหน่ง มัชฌิมา เสียอีกหนึ่งตำแหน่ง
                เลยกลายเป็นว่า ประชาชน เบียดเบียนเงินของประเทศอย่างพอดี ๆ
                พูดง่าย ๆ คือ วัตถุประสงค์ของการวางดวงเมืองนั้น มีเงินก็ให้ประชาชนอย่างเรา ๆ นี่แหละ ได้ใช้จ่าย
                พออ่านตั้งต้นจากดาว กลายเป็นหนังคนละม้วนเลยครับ
                ธนัง เป็นปุตตะ เป็น มรณะ แต่ว่า เป็นดาวอังคาร และฐานกำลังเสาร์
                ดาวอังคาร คืออะไร คือทหารใช่ไหมครับ
                สมัยก่อน ยิ่งสมัยตั้งกรุง เป็นสมัยที่ศึกสงครามเยอะ การวางดวงเมือง เพื่อให้ทหาร สร้างความมั่งคั่งให้ประเทศ ก็ไม่แปลก แต่ท่านก็วางให้ดาวทหาร เป็นปุตตะ คือ ลูกหลาน คงอยากจะให้ทหารคือ ลูกหลานของประเทศ และวางไว้ที่มรณะ ที่หมายถึงการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหมายถึงวิถีของประเทศ จะถูกกำหนดโดยทหาร
                ฟังแล้วเครียดเล็กน้อยนะครับ แต่ช้าก่อน ท่านวางเงื่อนไว้อีกเงื่อนหนึ่งนะครับ
                นั่นคือ เอาดาวอังคารไปตั้งที่ฐานของกำลังดาวเสาร์
                ดาวเสาร์ เมื่อกี้เราก็เห็นแล้วนะครับว่าหมายถึงอะไร
                ครับ ใช่แล้ว ประชาชน นั่นเอง นั่นคือความหมายว่า ทหาร จะทำอะไรก็ตาม ต้องอยู่ในเงื่อนไขของประชาชนอีกทีหนึ่ง ถ้านอกลู่นอกทาง ดาวคู่ ๓๗ เป็นดาวคู่แตกหักอยู่แล้ว
                พังครับ ทหารคนไหน ทำการโดยไม่เห็นแก่ประชาชน จะมีอันวิบัติไปทุกราย
                แล้วจะอึ้งว่า โหราจารย์ระดับสูงในรั้วในวัง ท่านวางดวงเมืองไว้เหนือชั้นจริง ๆ
                มามองดูดาวผู้นำ ในทางโหร เขายึดถือว่า ดาวอาทิตย์เป็นผู้นำ จะเป็นว่า วางอาทิตย์ไว้ที่ตำแหน่งอัตตะ สหัสชะ ทาสา ฐานกำลัง ๑๑ ราชาโชค
                เห็นทาสา ก็ต้องแปลว่าเหนื่อยยากใช่ไหมครับ ผู้นำประเทศ หรือกษัตริย์ (สมัยนี้ ต้องถือว่า นายกฯ นะครับ อยู่ในตำแหน่งนี้ ส่วนดาวกษัตริย์ ย้ายไปใช้ดาวพฤหัสแทน) ต้องเหนื่อย เสียสละ (ฐานบารมีนี่ครับ)
เพื่อตัวประเทศเอง(อัตตะ)
                อีกตำแหน่ง คือสหัสชะ อย่าลืมนะครับว่า ตำแหน่งนี้ มีความหมายเช่นเดียวกับดาวพุธ และดาวพุธ มีความหมายหนึ่ง คือ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
                โหราจารย์ จะวางให้ผู้นำประเทศ นั้น เหนื่อย เพื่อประเทศ เสียสละ และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ประเทศเก่งครับ
                โหร วางดวงเมืองแบบนี้ สุดยอดสิครับ
                ลองนั่งไล่อ่านตำแหน่งอื่น ๆ ดูนะครับ แต่ให้อาศัย ดาว เป็นโจทย์ตั้งต้น จะเห็นถึงความเป็นอัจฉริยะภาพของโหราจารย์ระดับ โหรวัง ว่าท่านเก่งกาจในการวางดวงเมืองขนาดไหน
                แต่ตรงนี้ ก็จะมองอะไรได้ออกแล้วนะครับ ว่า ท่านให้ความสำคัญของ ดาว มากกว่า เรือน เพราะ ดาวนั้น แสดงถึงบุคลิกภาพแท้ ๆ แต่เรือน เป็นเหมือน ตำแหน่งหน้าที่การงาน ซึ่งอาจจะมีการปรับเปลี่ยนได้ตามช่วงเวลา
                คนพูดเก่งมาตั้งแต่เล็กน้อย ก็ต้องพูดเก่งจนตาย ไม่เหมือนคนที่ต้องพูดตามหน้าที่ใช่ไหมครับ
                ท่านมองว่า เมืองของเรา ไม่ได้อยู่กันแค่ประเดี๋ยวประด๋าว ต้องอยู่กันยาวนาน เราตายไปแล้ว เมืองก็ต้องอยู่ เลยผูกดวง วางฤกษ์ โดยใช้ดาวเป็นหลัก เพราะดาวยังไงก็คือดาว ไม่มีเปลี่ยน
                โหราศาสตร์ เขาจะมีวิชาหนึ่ง คือ ลัคนาจร วิชานี้จะทำให้สภาพเรือนชะตา ปรับเปลี่ยนไปตามอายุ ปีนี้ ดาวอาทิตย์ ทำหน้าที่เป็นตนุ แต่ปีถัด ๆ ไป อาจจะทำหน้าที่เป็นมรณะก็ได้
                แต่ไม่ว่าอย่างไร ดาวก็ยังไม่มีเปลี่ยน ดาวพฤหัส กี่ปี ๆ ก็เป็นดาวพฤหัส
                ตรงนี้อาจจะเป็นคำตอบนะครับ ว่า ท้ายที่สุดแล้ว อะไรสำคัญกว่ากัน
                ใครอ่านดวงโหราศาตร์เป็น ลองเอาดวงเมืองมานั่งอ่าน แล้วใช้ ดาว เป็นตัวตั้งต้นนะครับ ท่านจะเห็นความมหัศจรรย์

                โหรสมัยก่อน ท่านวางดวงเมืองไว้ลึกซึ้งจริง ๆ ครับ 

คัดลอกบางส่วน จาก การบริหารจัดการดวงชะตา

องค์เกณฑ์ เพชรน้ำหนึ่ง โหราศาสตร์ไทย

 องค์เกณฑ์เป็น เกณฑ์เอกของโหราศาสตร์ไทย ที่มีสถิติถูกต้อง เชื่อขนมกินได้ ถ้า ผูกดวงถูกต้อง แม่นยำ           เมษ พฤษภ สิงห์ สามนี้         ปั...